ร่วมกันจับอาวุธ ต่อสู้กับพม่าอย่างกล้าหาญเพื่อปกป้องแหล่งเสบียงสำคัญไทยในยามที่ชายชาติทหารในหมู่บ้านต้องไปออกศึกสงคราม แล้วได้รับชัยชนะทำให้กองลาดตระเวนของพม่าต้องถอยทัพกลับไป
ตั้งแต่นั้นมาผู้คนจึงยกย้องและเรียกหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านสาวกล้า”แต่ได้เรียกเพี้ยนมา จนกลายมาเป็น “บ้านสาขลา” ชุมชนบ้านสาขลาแห่งนี้เป็นหมู่บ้านของชาวประมงเก่าแก่ริมปากอ่าวไทยแห่งสมุทรปราการ
ที่มีร่องรองของประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยสุโขทัยหรืออยุธยาตอนต้น โดยวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่นั้นก็แสนจะเรียบง่ายและมีเสน่ห์ เป็นวิถีชีวิตที่ชาวกรุงส่วนใหญ่โหยหาอย่างมาก
โดยดำรงชีพอยู่ด้วยการทำประมง ที่นี่จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยกุ้ง หอย ปู ปลา ต่างๆมากมาย อีกทั้งยังมีธรรมชาติแม่น้ำและป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มีอากาศที่แสนบริสุทธิ์ เป็นหมู่บ้านแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง
เรียกได้ว่าใครได้มีโอกาสมาเยี่ยมที่นี่ต่างติดใจในมนต์เสน่ห์ของบ้านสาขลากันทั้งสิ้น ผู้คนที่นี่น่ารักและเป็นกันเองสุดๆ เมื่อนักทองเที่ยวไปเยี่ยมเยือนก็ต่างให้การต้อนรับและยิ้มแย้มอย่างดี
โดยที่นี่จะมีสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคือ วัดสาขลา เหมือนกันชุมชนโบราณทั่วไปของไทยที่จะดำรงชีวิตเกี่ยวข้องกับวัดเสมอ โดยวัดสาขลานี้ก็มีความสวยงามวิจิตรตระการตามากๆ
จนทุกวันนี้ได้กลายเป็นสถานท่องเที่ยวยอดฮิตของชาวสมุทรปราการไปแล้ว ความพิเศษของวัดสาขลานั่นคือ การขุดฐานโบสถ์เพื่อบูรณะโบสถ์แต่สิ่งที่ได้พบจากการขุดครั้งนั้นกลับมีค่าอย่างมหาศาล
นั่นก็คือการค้นพบวัตถุโบราณหลายอย่างตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงอยุธยาตอนต้น ไม่ว่าจะเป็น ลูกนิมิตทรง 8 เหลี่ยม ที่ไม่เหมือนกับทรงกลมแบบที่อื่นเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความโบราณและมีอายุมาหลายร้อยปี
นอกจากนั้นยังขุดพบพระสองพี่น้องพระลักษณะแปลกตาไม่มีให้เห็นที่ไหนมาก่อนจากใต้โบสถ์นี้ รวมทั้งขุดพบเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆในสมัยโบราณมากมายเป็นเครื่องยืนยันถึงความเก่าแก่ของหมู่บ้านนี้ได้เป็นอย่างดี
โดยในวัดสาขลานี้จะแบ่งให้พุทธศาสนิกชนเข้าชมอย่างเป็นสัดส่วน เช่น วิหาร โบสถ์ ใต้โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์รวบสิ่งของโบราณไว้อย่างมากมาย โดยศูนย์รวมจิตใจของชาวสาขลานั้นก็คือหลวงพ่อโตวัดสาขลาที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีพระปรางค์เอียงศาสนสถานที่สำคัญของบ้านสาขลาและยังเป็นแลนด์มาร์คประจำวัดสาขลาด้วยโดยสัณนิษฐานว่าพระปรางค์เอียงนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่มีรูปทรงเอียงได้อย่างไรไม่มีใครทราบถือเป็นสิ่งที่แปลกตา
และน่าอัศจรรย์อย่างมาก และไฮไลท์ที่สำคัญประจำวัดสาขลานั่นก็คือ การลอดใต้โบสถ์เสริมศิริมงคล กิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว โดยภายในโบสถ์นี้ทางวัดได้จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ แสดงประวัติความเป็นมาของการขุดโบสถ์
และยังได้จัดแสดงพระสองพี่น้องที่มีเอกลักษณ์อันแปลกตาและเก่าแก่คู่บ้านสาขลามาหลายร้อยปี นอกจากนี้ยังมีหลวงพ่อบัวเข็มให้นักท่องเที่ยวได้มาขอพร รวมทั้งปิดทองใต้ฐานองค์หลวงพ่อโดบนโบสถ์อีกด้วย
นอกจากวัดสาขลาแล้วที่หมู่บ้านสาขลานี้ยังมีตลาดโบราณของชุมชนให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นและซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปด้วย โดยสินค้าโอทอปของที่นี่และเป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยว เรียกได้ว่าขนาดคนที่อยู่ไกล
ยังอยากมากินอีก นั่นก็คือกุ้งเหยียด หรือกุ้งหวานนั่นเอง โดยมีวิธีการทำตัวกุ้งให้เหยียดตรงและมีรสชาติหอมหวานอร่อยสุดๆ เป็นของฝากที่นักท่องเที่ยวไม่พลาดที่จะซื้อกลับไป นอกจากนี้ยังมีขนมหวาน อย่างขนมจาก
ปอเปี๊ยะไส้ลูกตาล ข้าวเหนียวสังขยา เป็นต้นล้วนเป็นของอร่อยและขึ้นชื่อของบ้านสาขลาทั้งสิ้น
สำหรับใครที่กำลังวางแผนหาที่เทียววันเดียวกลับใกล้กรุงเทพ ที่บ้านสาขลาแห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกหนึ่งทีคุณควรมาสักครั้งมาสูดอากาศแสนบริสุทธิ์ ล่องเรือไปบนคลองของบ้านสาขลาเพื่อชมธรรมชาติสั่งฝั่งคลอง
มาสัมผัสวิถีชุมชนไทยโบราณที่เรียบง่ายสงบสุข และแวะนมัสการหลวงพ่อโตวัดสาขลา แค่นี้วัดหยุดของคุณก็จะถูกเติมเต็มด้วยความสุขแล้ว